0 0
Read Time:4 Minute, 24 Second

กระทรวงดีอี – ดีป้า ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ติดตามโครงการสำคัญ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ค้าขายดีขึ้นด้วยดิจิทัลคอนเทนต์ – โซลูชัน

วานนี้ (30 กรกฎาคม 2567), จังหวัดเชียงใหม่ – กระทรวงดีอี และ ดีป้า ลงพื้นที่เมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจติดตามกิจกรรมของโครงการสำคัญตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวง พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการท้องถิ่น และพ่อค้าแม่ขายในจังหวัดเชียงใหม่

​นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการท้องถิ่นและอินฟลูเอนเซอร์ในกิจกรรม ‘Digital Content-Driven E-Commerce Workshop: การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มยอดขายด้วยดิจิทัลคอนเทนต์’ กิจกรรมต่อยอดความสำเร็จของโครงการ CONNEXION โดยมี ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ ดร.สักกเวท ยอแสง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมทีมงานร่วมให้การต้อนรับ

นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรค
ทั้งการปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ ความรวดเร็วของเทคโนโลยี ตลอดจนกลยุทธ์การขายที่ยังไม่เท่าทันสินค้าประเภทอื่น รวมถึงปริมาณการผลิตที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ ในนามของ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสินค้าและชุมชน อีกทั้งส่งเสริมองค์ความรู้ด้านดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการเพื่อสร้างโอกาส
ทางการตลาด รองรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในตลาดใหม่ ๆ ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมระบบนิเวศดิจิทัล ผสานกับแนวทางการส่งเสริมจากทางภาครัฐ เพื่อช่วยยกระดับธุรกิจและสินค้าชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ CONNEXION คือโครงการส่งเสริมการยกระดับองค์ความรู้และชุดทักษะด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการชุมชนที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการภายในจังหวัดและพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสร้างยอดขายบนแพลตฟอร์ม
E-Commerce อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ เทคนิคการถ่ายภาพสินค้า
การสร้าง Storytelling การ Live ขายสินค้า การเปิดร้านค้าใน Social Commerce อย่าง TikTok และ Facebook รวมถึงการนำข้อมูลการค้าออนไลน์จาก e-Marketplace ของไทยจากแพลตฟอร์ม eTailligence มาประยุกต์ใช้วางแผนประกอบการตัดสินใจด้านการตลาด ทั้งหมดเพื่อผลักดันสินค้าและบริการท้องถิ่นสู่โลกออนไลน์ ก่อให้เกิดความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน ทั้งในด้านคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นการสร้าง Content Creator และ Micro Influencer หน้าใหม่ให้กับท้องถิ่น

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ยังให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรม ‘ตลาดต้นแบบต่อยอดสู่
ความยั่งยืน’ ณ กาดวรุณ อำเภอเมืองเชียงใหม่ กิจกรรมภายใต้โครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ (ขยายผล) โดยมี นายจุลนภ ศานติพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ ดีป้า พร้อมทีมงาน และ นายวรพรรธน์ ชุติมา ผู้บริหารกาดวรุณ ร่วมให้การต้อนรับ

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี โดย ดีป้า ได้ดำเนินโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดอาวุธดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากที่มีความสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ
พร้อมพัฒนาสู่การแข่งขันรูปแบบใหม่ โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและการค้าขาย นำไปสู่การสร้างตลาดต้นแบบที่มีการนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการ ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล และสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศ

สำหรับกิจกรรม ‘ตลาดต้นแบบต่อยอดสู่ความยั่งยืน’ ภายใต้โครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ (ขยายผล) เป็นการติดตามและประเมินผลการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจากดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย
แก่ผู้ประกอบการตลาด ผู้ประกอบ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอยผ่านบัญชีบริการดิจิทัล ควบคู่กับการลงพื้นสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจ สร้างช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายจากการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ และโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ (ขยายผล) ดำเนินการใน 75 ตลาด 25 จังหวัด รวมกว่า 100,000 แผงค้า

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี พร้อมคณะได้ร่วมพบปะพ่อค้าแม่ค้าและเจ้าของตลาดอื่น ๆ
เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ โดยกาดวรุณถือเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ มีทำเลที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว
ซึ่งกาดวรุณได้เลือกใช้ Chaoperty ระบบบริหารจัดการแผงเช่า เทคโนโลยีดิจิทัลจาก ‘เช่าเพอร์ตี้’ ดิจิทัลสตาร์ทอัพจังหวัดเชียงใหม่ที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีป้า เพื่อยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่เช่าในตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการด้านบัญชี อีกทั้งขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ส่งเสริมการขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นตลาดต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว