0 0
Read Time:2 Minute, 34 Second

Arii Group (INTER) ผนึกกำลังพันธมิตรมาเลเซีย เสริมศักยภาพ Halal Hub Cross Border E-Commerce เดินหน้าขยายตลาดสู่ 14 ประเทศ ภายในปี 2568

กรุงเทพฯ – Arii Group (INTER) กลุ่มธุรกิจชั้นนำด้าน Cross Border E-Commerce ประกาศแผนการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศมาเลเซีย เพื่อต่อยอดการพัฒนา Halal Hub E-Commerce ให้เป็นศูนย์กลางสินค้าฮาลาลที่ครบวงจรระดับนานาชาติ พร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าครอบคลุม 14 ประเทศ ภายในปี 2568


คุณอนัส สันโต๊ะโส๊ป ชูแนวคิด “Halal E-Commerce Ecosystem” ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน

คุณอนัส สันโต๊ะโส๊ป ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Arii Group (INTER) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนา แพลตฟอร์ม E-Commerce แบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดสินค้าฮาลาลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยมุ่งเน้น 3 แกนหลัก ได้แก่ มาตรฐานสินค้าและการรับรองฮาลาล, ระบบโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในระดับนานาชาติ


“เรากำลังเดินหน้าพัฒนา Halal E-Commerce Ecosystem ที่มีความครบวงจรที่สุด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดฮาลาลระดับโลกได้อย่างสะดวกและมั่นใจ ซึ่งการขยายธุรกิจไปยัง มาเลเซียและอินโดนีเซีย ในช่วงต้นปี 2568 ถือเป็น ก้าวสำคัญ ของเราในการสร้างเครือข่าย Cross Border E-Commerce ที่แข็งแกร่งและมีมาตรฐานสูง”

คุณอนัสยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดฮาลาลในอาเซียนมีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 300 ล้านคน ที่บริโภคสินค้าฮาลาลอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเหล่านี้จะช่วยให้ Arii Group สามารถ ขยายช่องทางจัดจำหน่ายและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้า ในเครือ รวมถึงช่วยให้ ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


กลยุทธ์หลักของ Arii Group (INTER) ในปี 2568

ขยายแพลตฟอร์ม Halal E-Commerce ให้รองรับความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการในอาเซียน
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน ให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด
เสริมศักยภาพเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ผลักดันมาตรฐานสินค้าฮาลาลระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพสินค้าและบริการ
มุ่งสู่การเป็น Smart One Stop Service สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดฮาลาล

คุณอนัส กล่าวปิดท้ายว่า “เป้าหมายของ Arii Group (INTER) ไม่ใช่แค่การเติบโตขององค์กร แต่คือการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดฮาลาลระดับโลก ด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลที่นานาชาติยอมรับ”

Arii Group (INTER) เชื่อมั่นว่าการขยายธุรกิจครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลาง E-Commerce ฮาลาลในภูมิภาคอาเซียน พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าถึงตลาดฮาลาลระดับโลก

📌 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
📞 โทร: 02-114-3698
📧 อีเมล: ariigroup.com@gmail.com
💬 LINE OA: @Ariigroup.kr
🔗 รายละเอียดเพิ่มเติม: https://lin.ee/bW7nWbx

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว