เปิดใจ Dr.ษา นักธุรกิจมุสลิมยุคใหม่
20ปี จากธุรกิจสื่อ สู่เจ้าของโรงงานผลิตสินค้า
“ศาสนา” จะคอยควบคุมให้จิตใจของเรา มีความซื่อสัตย์ มีความจริงใจ มีความโปร่งใส ต่อลูกค้า และสังคม ส่วน “แนวคิดสมัยใหม่” จะเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดที่ทันต่อยุคการเปลี่ยนแปลง ในปัจจุบัน และอนาคต
นี่คือจุเริ่มต้นของแนวคิดการบริหารธุรกิจ โดยนำเอาหลักศาสนา และแนวคิดสมัยใหม่ มาผนวกเข้าด้วยกัน ของ ดร.ษา ต้นแบบนักธุรกิจมุสลิม แห่งอาณาจักร SPC ที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้
“เราถือเป็นโรงงานผลิตสินค้า อาหารเสริม และเครื่องสำอาง รายแรกของประเทศไทย ที่บริหาร และถือหุ้นโดยมุสลิม 100% เรามีประสบการณ์ในวงการนี้ มากว่า 15 ปี” คำกล่าวแนะนำตัวเริ่มต้นของ ดร.เปรมระพี พันหวังดียุกุล หรือ ดร.ษา CEO แห่งอาณาจักรธุรกิจ SPC คนรุ่นใหม่ในสายเลือดมุสลิม
ดร.ษา บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองก่อนที่จะมาเป็น SPC ให้เราว่า ตัวเองนั้นเติบโตมาจากการมีเดีย จากการเป็นสื่อ หรือสื่อมวลชน มาก่อน หากจำไม่ผิดได้ก้าวเข้าสู่วงการนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
ขณะนั้น เราผ่านประสบการณ์การทำสื่อ ทั้งนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และทีวี มีทั้งที่เป็นสื่อของตัวเอง (นิตยสาร เส้นทางทำมาหากิน) และเป็นมือปืนรับจ้าง บริหารสื่อให้คนอื่นเขา
“ตอนที่เราทำสื่อเราได้มีโอกาสทำข่าว ในการนำเสนอข่าว และสร้างแบรนด์สินค้า ให้บริษัทต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ประกอบการที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภท อาหารเสริม เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งปุ๋ย จนทำให้ตนได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงจากวงการนี้ ไม่มาก ก็น้อย” ดร.ษา กล่าว และกล่าวต่อว่า
เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ได้ขยายช่องทางธุรกิจใหม่ๆ เพิ่ม นั่นคือ ธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ ZAZA Chicken โดยก่อนเกิดวิกฤตการณ์โควิด เรามีสาขาร้านอาหารอยู่บนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลมากกว่าสิบสาขา อีกทั้ง ยังมีสาขาแบบ stand alone อีกด้วย ปัจจุบันธุรกิจนี้ก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่ และกำลังจะขยายเป็นแฟรนไชน์ทั่วประเทศหลังจากนี้
“ช่วงไล่เลี่ยกัน เราได้สร้างธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 1 ธุรกิจ ก็คือ ธุรกิจรับผลิตสินค้า อาหารเสริม เครื่องสำอาง และปุ๋ย ภายใต้ชื่อ SPC all supply เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา และจากนั้นไม่นานก็ได้ก่อตั้งโรงงานรับผลิตสินค้าอาหารเสริม และเครื่องสำอาง ขึ้น โดยโรงงานแรกใช้ชื่อ SPC factory laboratory richdo sure เมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา และขยายเพิ่มอีก 1 โรงงาน ภายใต้ชื่อ SPC factory all supply เป็นโรงงานแห่งที่2 เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา โดยโรงงานแรก ตั้งอยู่ที่คลอง 7 จังหวัดปทุมธานี และโรงงานแห่งที่2 ตั้งอยู่ปากซอยพัฒนาการ 69 จวบจนปัจจุบัน” ดร.ษา กล่าวและว่า
โรงงานของเรารับผลิต อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เรารับผลิตสินค้าทั้งในรูปแบบ OEM และ ODM ภายใต้มาตรฐาน GHP, Codex GHP, ISO และมาตรฐาน HALAL โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ผลิตผ่านโรงงานของเรานับร้อยแบรนด์ด้วยกัน มีลูกค้าที่สั่งผลิตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มากกว่า 5 ประเทศด้วยกัน
“เรามีความคาดหวังว่า เราจะเป็นโรงงานที่บริหาร และถือหุ้น โดยมุสลิม 100% ระดับแถวหน้าของเมืองไทยให้ได้ในอนาคต ทั้งหมดนี้ก็คือ ประวัติความเป็นมาคร่าวๆ ของเรา”
ดร.ษา กล่าวต่อว่า ถามว่า เรามีแนวคิดในการทำธุรกิจอย่างไร? ตอบได้เลยว่า เราใช้แนวคิดแบบผสมผสานระหว่างศาสนา และแนวคิดสมัยใหม่ เข้าด้วยกัน
เราเชื่อว่า หากเรานำหลักการคำสอนของ “ศาสนา” เข้ามาปรับใช้ ศาสนาก็จะคอยควบคุมความประพฤติ และควบคุมจิตใจของเรา ให้มีความซื่อสัตย์ มีความจริงใจ มีความโปร่งใส ต่อลูกค้า และสังคม ส่วน “แนวคิดสมัยใหม่” ที่เรานำมาใช้ จะเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดที่ทันต่อยุคสมัยการเปลี่ยนแปลง ของปัจจุบัน และอนาคต”
ดร.ษา กล่าวอีกว่า ธุรกิจของเรายังได้ให้ความสำคัญกับงาน CSR หรือการสร้างกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมในรูปแบบต่างๆ ตลอดเวลา เนื่องจากตระหนักดีว่า ทั้งรายได้ ยอดขาย รวมถึงกำไรของเรามาจากองค์ประกอบทางสังคมแทบทั้งสิ้น ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะตอบแทนสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมในรูปแบบต่างๆ
“การตอบแทนสังคม หรือการช่วยเหลือสังคม คือหนึ่งในหลักคำสอนของศาสนาของเรา ที่ต้องปฏิบัติ ไม่ว่า เราจะสำเร็จมาก หรือสำเร็จน้อย ก็ตาม” ดร.ษา กล่าว ก่อนที่จะฝากทิ้งท้ายว่า
มีคนถามตัวเองบ่อยว่า อะไรคือความสำเร็จของธุรกิจของเราในขณะนี้ และเรามีเป้าหมายทางธุรกิจในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง?
ซึ่งในแนวคิดของเรา เราคิดว่า ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ บางครั้งเราจะไปมองตัวว่าเราสำเร็จแล้วไม่ได้ เพราะอาจเป็นดาบสองคมต่อการบริหารธุรกิจของเรา เนื่องจากคนที่มองว่าตัวเองสำเร็จนั้น บางครั้งก็อาจจะทำให้เราเดินไปในทิศทางที่ตั้งอยู่บนความประมาท และอาจเกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจของเราได้
ฉะนั้น ให้เราเข้าใจว่า ความสำเร็จว่า มันไม่มีจุดสิ้นสุด มันอยู่ที่ว่าเราพึงพอใจตรงจุดไหน ซึ่ง ณ ตอนนี้ในจุดของเราคือ ความพึงพอใจที่ได้สร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยนำพักน้ำแรงของตัวเองและทีมงาน และธุรกิจของเราสามารถช่วยเหลือสังคมได้ในระดับที่ดีเยี่ยม
ส่วนเป้าหมายที่คาดหวังนั้น เข้าใจว่านักธุรกิจหลายๆ คนจะมีมุมมองที่คล้ายๆกัน คือเมื่อสร้างธุรกิจของตัวเองให้อยู่ตัว อยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้แล้ว มีผลตอบแทนที่ดีแล้วนั้น นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะมีเป้าหมายที่คล้ายๆกันคือ การกลับมาให้ความสำคัญกับศาสนามากขึ้น ให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น โดยอาจจะอยากช่วยเหลือเขาเหล่านั้นให้เป็นแบบเราให้ได้ หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ สำหรับเรา “นี่คือเป้าหมายที่แท้จริง”
ดร. ษา กล่าวเสริมว่า ขอฝากธุรกิจของเราไว้กับทุกท่าน ทั้งธุรกิจอาหาร และธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ธุรกิจของเราจะเติบโตได้มาก หรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้า ขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนกับทุกท่าน และความตั้งใจจริงของเราเอง ซึ่งเราจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดร.ษา กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวฝากประชาสัมพันธุ์