0 0
Read Time:4 Minute, 20 Second

สวทช. โชว์ความสำเร็จจากโครงการ“แปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker)” ส่งเสริมผู้ประกอบการสร้างรายได้มุ่งสู่ 1,000 ล้านบาทต่อปี

(วันที่ 29 สิงหาคม 2567) ที่อาคาร ซีอาเซียน ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ : ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. พร้อมด้วย คุณจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรม (IDEs) ขนาดใหญ่ Innovation Driven Enterprises ร่วมพิธีประกาศความสำเร็จโครงการ “แปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker)” ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถสร้างรายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี และ/หรือมีการเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายใน 3 ปี ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น Product Innovation Process Innovation Market Innovation และ Organization Innovation เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจฐานนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprises: IDEs) โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่รวดเร็ว ตลอดจนความท้าทายใหม่ ๆ ในบริบทปัจจุบัน ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่าง ๆ เหล่านี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กร สร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง และมีโอกาสในการเติบโตในเวทีระดับโลกต่อไป


ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า โครงการ “แปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker)” ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในยุคที่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมกลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน การพัฒนาผู้ประกอบการที่สามารถสร้างรายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี ไม่เพียงเป็นความสำเร็จเฉพาะตัวของผู้ประกอบการ แต่ยังสะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม สวทช. รู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนี้ และจะยังคงสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
“โครงการนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและการจัดการที่ทันสมัย เรามุ่งหวังให้โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต แต่ยังจะช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งในแง่ของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยโดยรวม”


นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. และหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “แปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker)” นับเป็นโครงการสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถยกระดับธุรกิจด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล แม้ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้โครงการได้รับการสนับสนุนจาก สวทช. และ บพข. โดยมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยสู่การเป็นธุรกิจฐานนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprises: IDEs) ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศไทยสามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตสูง โดยผ่านการสนับสนุนจากหน่วยงานพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในหลากหลายสาขา อาทิ การประเมินศักยภาพด้านนวัตกรรม และการสร้างกลยุทธ์เชิงธุรกิจเพื่อนำพาธุรกิจสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน โครงการนี้ยังมุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนผ่านการสร้างเครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านนวัตกรรม (Innovation Stakeholder Ecosystem) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
ภายในงานมีการเสวนาพิเศษที่น่าสนใจจากผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การอภิปรายในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ และการแชร์ประสบการณ์จริงจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในโครงการ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือการบรรยายพิเศษจาก CEO ขององค์กรระดับแนวหน้าของประเทศ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในธุรกิจและผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว Showcase ด้าน Influencer Marketing ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ทรงพลังในยุคดิจิทัล ที่ไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้ แต่ยังช่วยเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ทั้งนี้ในอนาคตโครงการ “แปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker)” มีแผนที่จะสานต่อความสำเร็จในปีถัดไป โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นธุรกิจฐานนวัตกรรมที่เข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น ผ่านการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาธุรกิจไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีระดับโลก
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. 111 อาคาร Garden of Innovation ห้องเลขที่ GOI 15 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย หมู่ที่ 9 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทร. 02-564-7000 ต่อ 71748, 5373 Facebook: https://www.facebook.com/NstdaBID Email: bid@nstda.or.th

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว