0 0
Read Time:4 Minute, 47 Second

ททท. และพันธมิตร จัดสัมมนาเข้มภาคธุรกิจไทยรับมือระเบียบโลกใหม่
EU ขีดเส้น “การท่องเที่ยวยั่งยืน” ต้องเคร่งครัดตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรม อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับนานาชาติ ได้จัดสัมมนา Action Alert ! Accelerating Towards Sustainable Tourism in Thailand เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับภาคธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือกับข้อบังคับใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรปที่จะมีผลบังคับใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กว่า 1,000 รายเข้าร่วมสัมมนา

นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภายใต้ข้อกำหนดใหม่ EU ต้องทำงานกับคู่ค้าที่มีมาตรการด้านการจัดการความยั่งยืนที่น่าเชื่อถือ ประเด็นนี้มีความสำคัญมากหากผู้ประกอบการไทยยังไม่มีแนวทางการจัดการด้านความยั่งยืน อาจเป็นอุปสรรคในการเป็นคู่ค้ากับบริษัทท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา และลดโอกาสในการเข้าถึงตลาดที่มีขนาดใหญ่และกำลังซื้อสูง ทั้งนี้ ข้อบังคับใหม่ของสหภาพยุโรป คือ Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) ซึ่งเป็นข้อบังคับใหม่ว่าด้วยการรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และ Corporate Sustainability Due Diligence Directive (CSDDD) ข้อบังคับว่าด้วยการสอบทานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องเริ่มเข้าสู่กระบวนการทั้งหมดนี้ ภายในปี 2026 และรายงานการดำเนินการในปี 2027 ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความเข้าใจ และมีความพร้อมต่อกฎเกณฑ์ใหม่ที่เคร่งครัด และท้าทายมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท. ยังให้ทัศนะว่า แรงกดดันจะไม่ใช่เพียงด้านการค้ากับประชาคมโลกเท่านั้น หากภาคธุรกิจไทยยังต้องรับมือกับความต้องการของนักเดินทางทั่วโลกที่จะให้ความสำคัญมากขึ้นในการเลือกผู้ประกอบการที่มีแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน

การบรรยายในช่วงแรก ในหัวข้อ “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบ ความอยู่รอดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” โดย ผศ.ดร.จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ผู้ก่อตั้ง Roaming Elephants แพลตฟอร์มเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน เน้นย้ำว่า การปรับตัวครั้งนี้ ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการสำหรับความอยู่รอดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว “ภูมิทัศน์กฎระเบียบทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนที่เกิดขึ้นควรมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับหน่วยงานกำกับดูแลมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับตัวอย่างราบรื่น” ผู้ก่อตั้ง Roaming Elephants ให้มุมมอง

การเสวนาในหัวข้อ “กระบวนการและหลักเกณฑ์การรับรอง: ทำอย่างไร?” โดยวิทยากร 3 ท่าน คือ ปีเตอร์ ริชาร์ดส์ แห่ง SWITCH-ASIA TOURLINK Project, ECEAT, น.ส.ปิ่นปินัทธ์ ไชยเดช จาก Earth Check และ ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม จาก Green Destinations

โดย ปีเตอร์ ริชาร์ดส์ แห่ง SWITCH-ASIA TOURLINK Project ได้อธิบายถึงขั้นตอนการขอการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งมีรูปแบบการให้การรับรองที่แตกต่างกัน ตลอดจนเกณฑ์พิจารณาต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้แนะนำแนวทางทางที่เหมาะสมในการก้าวสู่ธุรกิจการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และมีความน่าเชื่อถือ โดยผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามขั้นตอนไปตามลำดับ ซึ่งเมื่อผ่านการรับรองแล้ว มีโอกาสสามารถเข้าถึงตลาดท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

ด้าน น.ส.ปิ่นปินัทธ์ ตัวแทนจาก Earth Check กล่าวว่า ความน่าเชื่อถือจากการใช้ข้อมูลที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ในการแสดงถึงความโปร่งใสขององค์กรภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืน “นักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะเรียกร้องความโปร่งใสจากองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้องค์กรจำเป็นต้องปรับไปสู่การใช้แนวทางความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นสำคัญ การเลือกโปรแกรมการรับรองที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ และต้องมั่นใจว่าโปรแกรมนั้นมีระบบการจัดการข้อมูลความยั่งยืนที่เข้มงวดและโปร่งใส เพื่อให้สามารถติดตามผล รายงาน และพัฒนาความยั่งยืนได้อย่างต่อเนื่อง”

ด้าน ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม ตัวแทนจาก Green Destinations กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ต้องมีความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ความเข้าใจในชุมชนและท้องถิ่น มีความเคารพในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงความสำคัญและความสัมพันธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ในการดำเนินธุรกิจ โดยใช้หลักความยั่งยืนเป็นกรอบในการดำเนินงานเพื่อจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกให้กับสังคม

คุณอนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น จำกัด และผู้ก่อตั้ง Gother.com ในฐานะผู้ร่วมจัดงานกล่าวว่า นักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันมองว่าการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืนจึงมีข้อได้เปรียบทางการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่ง

สำหรับงาน Action Alert ! นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกโดยสมัครใจ แต่เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ธุรกิจท่องเที่ยวไทยต้องเตรียมรับมือ และปรับตัว เพื่อสร้างระบบนิเวศใหม่ (New Ecosystem) ด้วยสินค้าและบริการที่ได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ (Sustainable Certified Operators) อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้านานาชาติ ขณะเดียวกันก็เพิ่มศักยภาพของเราในการแข่งขันในตลาดสากล

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว