0 0
Read Time:4 Minute, 46 Second

ไต้หวันประกาศผู้ชนะเลิศ 3 อันดับแรกจากโครงการ “Go Green with Taiwan”
ผู้ชนะจากสหราชอาณาจักร ฮังการี และฟิลิปปินส์ ได้นำเสนอโครงการของตนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ พร้อมคว้ารางวัลมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 700,000 บาท ไปครอง

นางซินเทีย เจียง (Cynthia Kiang) อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศไต้หวัน (TITA) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (MOEA) (ยืนกลางแถวหน้า)
นายไซมอน หวัง (Simon Wang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาการค้าและการส่งออกไต้หวัน (ยืนขวาแถวหน้า) และนางลี-ฟาง โจว (Li-Fang Chou) เลขาธิการสถาบันพลังงานยั่งยืนแห่งไต้หวัน
(ยืนซ้ายแถวหน้า) ร่วมถ่ายภาพกับผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 ทีมของโครงการ “Go Green with Taiwan”

หลังจากระยะเวลา 5 เดือนของโครงการ “Go Green with Taiwan” โดยกรมการค้าระหว่างประเทศ (TITA) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) ดำเนินการโดยสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) ทำการเปิดรับข้อเสนอหรือแนวคิดที่สร้างสรรค์และยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม มีนักพัฒนาฯ จากกว่า 45 ประเทศทั่วโลก ร่วมส่งข้อเสนอด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมากถึง 396 โครงการ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ผู้เข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายได้เดินทางมานำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในไต้หวัน เพื่อพิสูจน์ว่าข้อเสนอด้านนวัตกรรมดังกล่าวฯ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับสังคมได้จริง โดยกระบวนการคัดเลือกอันเข้มข้นนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ซึ่ง 3 ทีมสุดท้ายเป็นผู้เข้าแข่งขันจากสหราชอาณาจักร ฮังการี และฟิลิปปินส์ โดยมีแผนข้อเสนอที่โดนเด่น ทำให้เป็นผู้ชนะและรับรางวัลมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 700,000 บาทไปครอง ซึ่งโครงการนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและสร้างสังคมที่ร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสะท้อนถึงแรงบันดาลใจในความมุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโครงการระดับโลกนี้อีกด้วย

ผู้ชนะระดับโลก 3 ราย ได้แก่

• สหราชอาณาจักร: โครงการ Digital Fashion: Transforming Fashion for a Sustainable Future เปลี่ยนโลกแฟชั่นเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
• ฮังการี: โครงการการศึกษาเกี่ยวกับการใช้วัสดุรูพรุนในกระบวนการทำความเย็นแบบระเหย หรือ Investigation of the application of evaporative cooling using porous materials (row ceramics)
• ฟิลิปปินส์: โครงการ Sweet Solutions to the Plastic Crisis: Compostable Sugarcane-based Alternatives แนวทางแก้วิกฤติพลาสติกด้วยวัสดุทดแทนจากอ้อยที่ย่อยสลายได้
นางซินเทีย เจียง อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ (TITA) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (MOEA) เผยว่า “เราภูมิใจมากที่โครงการ ‘Go Green with Taiwan’ สามารถแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และเผยศักยภาพของผู้เสนอโครงการจากทั่วโลก โดยผลงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ยั่งยืนของไต้หวัน แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในเป้าหมายของเราที่ต้องการสร้างอุตสาหกรรมสีเขียวที่เข้มแข็ง เราหวังว่าความร่วมมือระหว่างประเทศในครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับโลกในอนาคต”

นายไซมอน หวัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาการค้าและการส่งออกไต้หวัน กล่าวว่า “การได้รับข้อเสนอโครงการถึง 396 โครงการจาก 45 ประเทศทั่วโลก เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและการตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืนในระดับโลก แม้ว่าโอกาสที่จะเข้ารอบสุดท้ายจะมีเพียง 1.5% แต่ทุกข้อเสนอล้วนมีคุณค่าและแสดงถึงความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ โดยมองว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรระดับโลกที่มีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาสิ่งแวดล้อมและอนาคตของโลกใบนี้”

นายสแตน ซือ ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มบริษัทเอเซอร์ ทูตกิตติมศักดิ์ของแคมเปญ “Go Green with Taiwan” เล่าว่า “จุดมุ่งหมายของโครงการนี้ คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับสากล ด้วยการรวบรวมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและโซลูชันที่ยั่งยืนของไต้หวันเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้นเราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีสีเขียวที่นำเสนอในโครงการนี้ จะไม่เพียงมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ประเทศต่างๆ นำไอเดียเหล่านี้ไปต่อยอดและพัฒนาร่วมกัน เพราะเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้โลกของเรายั่งยืนขึ้น”

นางลี-ฟาง โจว เลขาธิการสถาบันพลังงานยั่งยืนแห่งไต้หวัน ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินของแคมเปญนี้เผยว่า “รู้สึกประทับใจกับความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนความมุ่งมั่นของผู้เข้าร่วมทุกทีม มองว่าทุกโครงการที่ส่งเข้ามาล้วนมีเอกลักษณ์และนำเสนอโซลูชันที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้จริง ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสและความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง พร้อมเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและดีขึ้นสำหรับพวกเราทุกคน”

ทั้งนี้ “Go Green with Taiwan” เป็นโครงการนำเสนอแนวคิดหรือข้อเสนอระดับโลกที่เชิญชวนนักคิดนักสร้างสรรค์จากทั่วโลกให้พัฒนาโซลูชันที่มีความหมายและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมได้รับข้อเสนอถึง 396 โครงการจาก 45 ประเทศ อาทิ ฮังการี เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส บราซิล สหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในด้านความร่วมมือทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนให้บุคคล สถาบันทางสังคม และองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทรงพลังของไต้หวัน พร้อมส่งเสริมความพยายามร่วมกันในการแก้ปัญหาระดับโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และโซลูชันของไต้หวันในการสร้างการปรับปรุงแก้ไขที่เป็นรูปธรรมในสังคม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในระดับสากล

ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของไต้หวัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH/ หรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Go Green with Taiwan ที่ https://gogreen.taiwanexcellence.org/

###

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว