0 0
Read Time:2 Minute, 20 Second

“เมดีซ กรุ๊ป” จับมือ “IFCG” บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ และการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย ลงนาม MOU ขยายฐานตัวแทนที่ปรึกษาเพิ่มอีกว่า 400 คน เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงของ IFCG ได้เพิ่มอีกกว่า 50,000 ราย

 

 

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกับ บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ IFCG ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ และการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย ในการขยายฐานตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้คำปรึกษา และนำเสนอบริการด้านการจัดเก็บ ตรวจวิเคราะห์ และเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ จากสายสะดือทารก และเซลล์ไขมันจากผู้ใหญ่ รวมถึงเซลล์รากผม ซึ่งจะเป็นการขยายตัวแทนจำหน่ายให้กับ MEDEZE ได้อย่างก้าวกระโดด

โดยในปัจจุบัน MEDEZE มีตัวแทนที่ปรึกษาประมาณ 50 คน จะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 400 คน จากตัวแทนที่ปรึกษาของ IFCG และที่สำคัญจะทำให้ MEDEZE สามารถเข้าถึง และขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับการให้บริการของ MEDEZE ซึ่ง IFCG มีประสบการณ์อันยาวนาน และความเชี่ยวชาญในการให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 50,000 ราย
“MEDEZE จะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าฐานใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงได้มากขึ้น การมีพันธมิตรที่มีเครือข่ายลูกค้าขนาดใหญ่เช่นนี้ จะช่วยให้บริษัทขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่สนใจเทคโนโลยีสเต็มเซลล์รากผม” นายแพทย์วีระพลกล่าว

 

ในขณะที่นายวิทูร เลิศพนมวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ IFCG เปิดเผยว่า IFCG เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ และการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน และความเชี่ยวชาญในการให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 50,000 ราย พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 400 คน ที่พร้อมให้คำปรึกษาที่เป็นกลาง ผ่านนวัตกรรมล้ำสมัย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างมั่นคง และยั่งยืน

โดยการลงนามในครั้งนี้จะถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลูกค้าของทั้ง MEDEZE และ IFCG โดยลูกค้าของ MEDEZE ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูล และการให้คำปรึกษาผ่านตัวแทนที่ปรึกษาของ IFCG ได้ ซึ่ง MEDEZE เป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน ในขณะที่กลุ่มลูกค้าของ IFCG จะได้รับบริการ และคำปรึกษาในผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว