0 0
Read Time:4 Minute, 15 Second

BYD และ REVER ขานรับนโยบายรัฐ ส่งเสริมรถยนต์พลังงานใหม่
ต้อนรับตัวแทนภาครัฐ เยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ BYD ระยอง

กรุงเทพฯ – 4 มีนาคม 2568 – คณะผู้บริหารพร้อมตัวแทนจาก บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) และ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ให้การต้อนรับ ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต และคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิต ในระหว่างการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม WHA จังหวัดระยอง เพื่อเตรียมความพร้อมการปรับโครงสร้าง ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)


รายนามบุคคลในภาพ
• นายวิศิษฎ์ พิทยะวิริยากุล ประธานบริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด (ที่ 1 จากซ้าย)
• นายเค่อ หยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย)
• ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ที่ 3 จากซ้าย)
• ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต (ที่ 3 จากขวา)
• นายอิสระ วงศ์รุ่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาธุรกิจ กลุ่มธุรกิจเรเว่ และ ประธานบริหาร บริษัท เรเว่ ลีสซิ่ง จำกัด, บริษัท เรเว่ ฟิน คอร์ป จำกัด (ที่ 2 จากขวา)
• นายไห่ เซียวผิง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 1 จากขวา)

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “BYD และ REVER เล็งเห็นศักยภาพของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย นำไปสู่การก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขึ้นที่จังหวัดระยอง ไม่ใช่เพื่อการส่งมอบรถยนต์คุณภาพสูงให้ผู้กับบริโภคชาวไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกรถยนต์ในกลุ่มที่พลังงานใหม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการลดมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมและอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเราทุกคน ซึ่งนี่เป็นผลจากการที่เรเว่ยึดมั่นในในวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ‘NEW FUTURE, YOUR WAY’ มาโดยตลอด”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “รถยนต์ในกลุ่มพลังงานใหม่จาก BYD ไม่ได้มีแต่เพียง EV เท่านั้น แต่ยังมี BYD SEALION 6 DM-i ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV ที่มีการผลิตขึ้นและออกจำหน่ายแล้วในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าทั้ง BYD และ REVER พร้อมสนองนโยบายส่งเสริมรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อผู้บริโภค จากการส่งมอบยานยนต์คุณภาพ, กระตุ้นเศรษฐกิจจากการดำเนินงานของบริษัท และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากการสร้างมลพิษจากรถยนต์ให้ต่ำลง ไปพร้อมกับการใช้เชื้อเพลิงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”

โรงงานผลิตรถยนต์ BYD ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 948,000 ตารางเมตร ครบครันด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ทั้งเครื่องจักรกลอัตโนมัติ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบบริหารจัดการล้ำสมัย พร้อมให้ผู้บริโภคได้สัมผัสว่ารถยนต์ BYD ทุกคันที่ผลิตขึ้นจากโรงงานแห่งนี้ จะมีคุณภาพสูงสุด ทั้งยังมีกำลังการผลิตสูงสุด 150,000 คันต่อปี ไม่เพียงแต่เพื่อจัดจำหน่ายภายในประเทศไทย ผ่านกลุ่มธุรกิจเรเว่เท่านั้น แต่ยังพร้อมส่งออกเพื่อรองรับ ความต้องการรถยนต์ BYD ที่มีมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ

โรงงานแห่งนี้คือบทพิสูจน์ว่า BYD ให้ความสำคัญและเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทย นำไปสู่การตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นโรงงานแห่งแรกที่ BYD ตั้งขึ้นนอกประเทศจีน โดย BYD ได้ดำเนินงานตามเกณฑ์กำหนดของภาครัฐ ทั้งการปฏิบัติตามเกณฑ์ EV 3.0 และ 3.5 รวมถึงเสนอให้ภาครัฐ พิจารณาออกมาตรการสนับสนุนรถยนต์ PHEV ซึ่งจะไม่เป็นเพียงการเพิ่มทางเลือกรถยนต์พลังงานใหม่ ให้กับผู้บริโภคชาวไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดมลพิษไปพร้อมกับการสร้างอากาศสะอาด และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการสร้างอัตราการจ้างงานให้กับแรงงานไทย รวมถึงการส่งออกรถยนต์คุณภาพ ไปให้ผู้บริโภคในประเทศอื่นได้สัมผัสอีกด้วย

ปัจจุบัน มีการผลิตรถยนต์ BYD ในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ประกอบด้วย BYD Seal และ BYD Atto 3 โดยทั้งสองรุ่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ส่วนอีกรุ่นคือ BYD SEALION 6 DM-i ซึ่งมาพร้อมขุมพลัง DM-i Super Hybrid ซึ่งเป็นเทคโนโลยี plug-in hybrid ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล พร้อมกับมอบสมรรถนะขับขี่ในแบบฉบับเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุด 104 กิโลเมตร เพียงต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งยังรองรับทั้งการชาร์จไฟและเติมน้ำมันได้

สัมผัสรถยนต์ BYD ทุกรุ่นรวมถึง BYD SEALION 6 DM-i ขุมพลัง PHEV ได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั้ง 142 สาขาทั่วประเทศ หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ BYD ทุกรุ่นได้ที่ reverautomotive.com/

###

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว