0 0
Read Time:5 Minute, 54 Second

UNHCR สานต่อความร่วมมือ “โครงการรอมฎอนนี้เพื่อพี่น้องและทานประจำปีซะกาต ปีที่ 7” ผ่านแนวคิดโต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัย

 

ปัจจุบันสงครามและความรุนแรงส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 114 ล้านคน จำนวนนี้รวมถึงพี่น้องชาวมุสลิม ประกอบด้วยเด็กกำพร้า แม่เลี้ยงเดี่ยว หญิงหม้าย และผู้สูงอายุที่ถูกบังคับให้ลี้ภัยออกจากบ้านของตนเอง นอกจากนั้น ในปี พ.ศ. 2566 UNHCR ได้ออกประกาศภาวะฉุกเฉินถึง 43 เหตุการณ์ใน 29 ประเทศ ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ

“Ramadan Table” โต๊ะอาหารเย็นหลังละศีลอดเป็นเหมือนพื้นที่รวมใจของบ้านและครอบครัวในเดือนรอมฎอน เป็นที่ซึ่งทุกคนมารวมตัวและแบ่งปันเวลาอันมีค่าร่วมกัน เนื่องจากครอบครัวผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสนั้น UNHCR จึงมีแนวคิดให้ “โต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัย” เป็นเหมือนศูนย์กลางของการรณรงค์ ในการรับบริจาคทานซะกาตหรือซอดาเกาะห์เพื่อให้ผู้ลี้ภัยสามารถเข้าร่วมโต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัย ของทุกท่านได้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม

“ในเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ ยังมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน” คุณบาบาร์ บาลอช โฆษกประจำภูมิภาคเอเชีย สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กล่าว “ในเวลาสำคัญเช่นนี้ การสนับสนุนของพันธมิตทุกภาคส่วนเพื่อการทำงานด้านมนุษยธรรมนั้นมีความจำเป็นอย่างที่สุด”

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ริเริ่ม “โครงการรอมฎอนนี้เพื่อพี่น้องและทานประจำปีซะกาต” ขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ร่วมกับ สำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อสร้างการรับรู้และการระดมทุนทานประจำปีซะกาตและซอดาเกาะห์ ซึ่งเป็นการบัญญัติขึ้นตามหลักศาสนาอิสลามเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก และมอบความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นชาวมุสลิมทั่วโลก

“ในเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ อิสลามบัญญัติให้มุสลิมถือศีลอดเพื่อได้รู้รสชาติของความหิวความกระหาย ความอดอยากยากแค้นที่มีอยู่ในสังคมมนุษย์ ดังนั้นความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ด้วยการช่วยเหลือและการแบ่งปัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นจากผู้ถือศีลอดทุกคน” ผศ.ดร.อับดุลเลาะห์ หนุ่มสุข ผู้แทนจุฬาราชมนตรี กล่าว “ปีนี้เป็นปีที่ 7 สำนักจุฬาราชมนตรีร่วมสนับสนุนโครงการระดมทุนระดับโลกของ UNHCR เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของครอบครัวพี่น้องผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมที่ต้องพลัดถิ่นซึ่งต้องอยู่ไกลบ้านและคนที่พวกเขารัก การบริจาคเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับ UNHCR เพื่อช่วยชีวิตและช่วยเหลือครอบครัวที่เปราะบางซึ่งส่วนใหญ่จัดอยู่ในหมวดซะกาตอย่างน้อย 4 จาก 8 หมวดที่กล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอาน ให้ได้มีที่พักพิง อาหารอุ่น ๆ สำหรับละศีลอด น้ำสะอาด และอนาคตที่ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น”

“ในขณะที่พวกเราเตรียมต้อนรับเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยหลายล้านคนได้รับผลกระทบหนักที่สุด ท่ามกลางวิกฤติความขัดแย้ง ความไม่มั่นคงทางอาหาร และภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมถึงงบประมาณและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไม่เพียงพอ ผู้ลี้ภัยสามในสี่ทั่วโลกไม่สามารถเข้าถึงปัจจัยขั้นพื้นฐาน ครอบครัวผู้ลี้ภัยไม่มีอาหาร ไม่มีที่พักพิง มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น หรือเด็กๆไม่ได้เข้าเรียนเนื่องจากไม่มีค่าเดินทาง” อาจารย์ซากีย์ พิทักษ์คุมพล นักวิชาการ กล่าว “เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567 และจำนวนผู้พลัดถิ่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 130 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ความช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องผู้ลี้ภัยนั้นสำคัญอย่างยิ่ง”

ในการรับบริจาคทานประจำปีซะกาต UNHCR ทำงานร่วมกับมูลนิธิทาบาห์ องค์กรชั้นนำทางศาสนา และได้ขยายการรับรองระดับโลกจากนักวิชาการศาสนา (นักฟัตวา) มากถึง 17 ท่าน จากสถาบันศาสนา อิสลามมากกว่า 16 แห่งทั่วโลกเช่น อียิปต์ เยเมน โมร็อกโก มอริเตเนีย รวมถึงประเทศไทย เพื่อรับรองหน่วยงานว่ามีคุณสมบัติในการรับทานซะกาตและสามารถมอบความช่วยเหลือนี้โดยตรงแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม ได้แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นชาวมุสลิม ให้พวกเขาได้มีอาหารที่พอเพียง น้ำสะอาดไว้ใช้และดื่ม ที่พักพิงที่ปลอดภัย และเงินสมทบช่วยเหลือ

“ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยมีความเชื่อมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมไทยและรับผิดชอบต่อสังคมโลก เรายังคงสนับสนุน UNHCR อย่างต่อเนื่องเพราะสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยนั้นรุนแรงขึ้นอย่างมาก” ดร. ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าว

“ในเดือนรอมฎอน บ้านและโต๊ะรับประทานอาหารของเราเป็นสถานที่แห่งความสุขที่ครอบครัวมารวมตัวกัน แต่สำหรับผู้ลี้ภัยมักไม่มีโอกาสเช่นนั้น เงินบริจาคของทุกท่านจะสนับสนุนแนวคิดเรื่องโต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัยท่ำคัญนี้ให้เกิดขึ้น และช่วยครอบครัวผู้พลัดถิ่นให้สามารถซื้ออาหาร น้ำ และที่พักพิงที่จำเป็นได้”

ภายใต้การระดมทุนผ่านโครงการฯ ปีที่ผ่านมา UNHCR สามารถมอบความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้ลี้ภัยไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านคน ใน 21 ประเทศทั่วโลก เช่น อัฟกานิสถาน อิรัก ปากีสถาน บังคลาเทศ มาเลเซีย เยเมน และไนจีเรีย เป็นต้น แต่ด้วยจำนวนผู้พลัดถิ่นที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สื่อคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความรับรู้และการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง ในปีที่ 7 นี้ บริษัท ทีวีบูรพา กรุ๊ป จำกัดร่วมกับ UNHCR ในการเพิ่มความช่วยเหลือในด้านต่างๆทั้งด้านสื่อ การจัดกิจกรรม และการลงพื้นที่จริง

“เพราะเราเชื่อในพลังของคนที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ เราจึงเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกันกับ UNHCR และให้สื่อของเราช่วยผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นที่เป็นเพื่อนมนุษย์ เป็นพี่น้องร่วมโลกเดียวกัน” คุณกฤษณพล พงศ์ธนาวรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีบูรพา กรุ๊ป จำกัด กล่าว “ชีวิตผู้ลี้ภัยถูกพลัดพรากจากกันด้วยความขัดแย้งและภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขาเผชิญกับความหิวโหยและความไม่มั่นคง เนื่องจากเป้าหมายของเราคือการมุ่งทำธุรกิจที่เป็นมิตร ปลอดภัย และยั่งยืนแก่สังคม เราจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสนับสนุนให้ผู้ลี้ภัยได้มีโอกาสรับความช่วยเหลือภายใต้แนวคิดโต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัย (Ramadan Table) โดยจะเราจะจัดกิจกรรมและสนับสนุนการทำงานด้านต่างๆของ UNHCR ตลอดปี ซึ่งสามารถติดตามได้ทุกช่องทางของทีวีบูรพา กรุ๊ป”

 

ท่ามกลางสถานการณ์โลกรอบด้านที่ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมต้องเผชิญวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “โครงการรอมฎอนนี้เพื่อพี่น้องและทานประจำปีซะกาต” จะช่วยให้ UNHCR ทำงานด้านมนุษยธรรมได้อย่างยั่งยืน และนำทานซะกาตทั้งหมด 100% ไปช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัย และให้พวกเขาได้มีโอกาสมีที่พักพิงที่ปลอดภัย อาหาร น้ำ หลังละศีลอด และการช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชีวิตอย่างไม่ขาดตอน

ในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์นี้ โปรดแบ่งปันพื้นที่ความโอบอ้อมอารีของโต๊ะอาหารรอมฎอนเพื่อผู้ลี้ภัย ของคุณกับครอบครัวผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นจากสงครามและความรุนแรงทั่วโลก ร่วมบริจาคทานของท่านได้ที่เว็บไซต์ www.unhcr.org/th

EveryGiftCounts #UNHCRThailand #WithRefugees #รอมฎอน
Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว