0 0
Read Time:5 Minute, 5 Second

ดีป้า เปิดตัว d-station สาขาแรก จ.ระยอง หนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นสานฝันธุรกิจ
ต่อยอดการเป็นกลไกกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัล ยกระดับชุมชนในพื้นที่ยั่งยืน

​วันที่ 20 สิงหาคม 2567, จังหวัดระยอง – ดีป้า ประกาศเปิดตัว d-station สาขาแรกของประเทศไทย ใจกลางทำเลแห่งศักยภาพ สานฝันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในพื้นที่ตั้งต้นธุรกิจ ผลักดันระบบนิเวศดิจิทัลในท้องถิ่น ชูบริการหลัก BKT Digital Solution เครื่องมือยกระดับธุรกิจสำหรับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนที่ผ่านการขึ้นบนทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล เสริมด้วยบริการที่พัก และพื้นที่รองรับการสร้างชุมชนดิจิทัล บริหารธุรกิจโดย บนกองเงินกองทอง

​ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ได้พัฒนากลไก d-station ขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Digi-Preneur) สามารถเติมเต็มศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลสัญชาติไทย และสร้างโอกาสการเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับท้องถิ่น ซึ่ง d-station เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือส่งเสริมและสนับสนุนภายใต้มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล
ในบริษัทหมวดผู้ประกอบการให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลชุมชน (Digi-preneur)

“d-station จะเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัล และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์/บริการของเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เหมาะสมกับบริบทของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย รวมถึงเกษตรกร ชุมชนในชนบท และวิสาหกิจชุมชน ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมศักยภาพ Digi-preneur ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและธุรกิจท้องถิ่นแล้ว d-station ยังเป็นส่วนช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับพื้นที่ด้วยเทคโนโลยี/บริการดิจิทัล นอกจากนี้ยังเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ผู้ใช้งานระดับท้องถิ่น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิต นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศอีกทางหนึ่ง” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว


สำหรับ d-station สาขาแรกของประเทศตั้งอยู่ใจกลางอำเภอเมืองของจังหวัดระยอง มีดิจิทัลสตาร์ทอัพ
ในพื้นที่อย่าง บริษัท บนกองเงินกองทอง จำกัด เป็นผู้บริหารธุรกิจ โดย นายอภิวัฒน์ หวังมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บนกองเงินกองทอง จำกัด กล่าวว่า แนวทางการบริหารกิจการ d-station สาขาจังหวัดระยองมี BKT Digital Solution เป็นแนวคิดหลักในการบริหารจัดการ โดยธุรกิจหลักของ d-station แห่งนี้คือ การให้บริการ
ด้าน Software Digital Solution และเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องมือโปรแกรมดิจิทัลสำหรับธุรกิจ SMEs ที่เชื่อถือได้ เนื่องจากทุกผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่จำหน่ายใน d-station แห่งนี้ผ่านการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล
ซึ่งเชื่อมั่นว่าตรงปก ไม่ถูกหลอก และอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการเติมเติมด้วยธุรกิจเสริมเพื่อสร้างชุมชนดิจิทัลด้วยการให้บริการพื้นที่สำหรับจัดประชุม สัมมนา เป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เชื่อมโยงกิจการและ
นักบัญชีที่เข้าใจนักธุรกิจ (Matching Accountant Service) รวมถึงพื้นที่ให้บริการที่พักสำหรับนักธุรกิจ

​ทั้งนี้ ดีป้า ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวน d-station ให้ครอบคลุมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งในระยะเริ่มต้น
ตั้งเป้าดำเนินการใน 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง
ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีพิธีเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ โดยมี
ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ ในฐานะผู้บริหารโครงการ d-station ในพื้นที่จังหวัดระยองพร้อมทีมงานร่วมในพิธีดังกล่าว

​ทั้งนี้ ดีป้า ยังมีโครงการดี ๆ อย่าง CONNEXION ที่มุ่งยกระดับองค์ความรู้ พัฒนาชุดทักษะใหม่ด้านดิจิทัล
แก่คนไทย โดยเฉพาะผู้ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานให้มีความพร้อมต่อการประกอบอาชีพใหม่ใน
ยุคดิจิทัล และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทยอย่าง คอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ หรือจะ ประกอบอาชีพอื่น ๆ ในสายอย่าง ออแกไนเซอร์ นักออกแบบ นักพากย์ นักเล่าเรื่อง เป็นต้น

และอีกหนึ่งโครงการกับ เปิดเมือง เปิดท่องเที่ยวไทยด้วยดิจิทัล กับการพัฒนา ThailandCONNEX เพื่อเป็น แพลตฟอร์มกลางที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรูปแบบ Business to Business (B2B) ในลักษณะ Wholesales สำหรับ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สามารถเข้าถึง นำเสนอสินค้าและบริการสู่ผู้ให้บริการท่องเที่ยว (Online Travel Agents : OTAs) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการเช่ายานพาหนะเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ThailandCONNEX กว่า 1 แสนราย มีสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกว่า 2 แสนรายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

———————————————————————

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว