0 0
Read Time:2 Minute, 14 Second

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2567 นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  นำทีมงานเข้าเยี่ยมชมกิจการของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) โดยมี รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้การต้อนรับ ผอ.ศวฮ.ระบุว่ากลุ่มประเทศมุสลิมสนใจพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลของประเทศไทยมาโดยตลอด ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผอ.ศวฮ.ได้รับเชิญให้นำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ฮาลาล เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ฮาลาลเชิงอุตสาหกรรมแก่หลายประเทศมุสลิม ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, บาห์เรน, โอมาน, ยูเออี, คูเวต, จอร์แดน, อิรัก, คาซักสถาน และมาเลเซีย อีกทั้งยังมีงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่ออนาคตร่วมกับทีมนักวิจัยจากหลายประเทศ

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ศวฮ.พัฒนางานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีฮาลาลเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม ฮาลาลมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การจัดตั้ง ศวฮ.ตามมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2546 ศวฮ.พัฒนาระบบการมาตรฐานฮาลาล โดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมในหลายขั้นตอนผ่านกระบวนการมาตรฐานฮาลาลที่ชื่อว่า HAL-Q มีการใช้นวัตกรรม, H numbers, น้ำยาดินชำระล้าง, งานทางนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล วางระบบในโรงงานอุตสาหกรรม 1,112 โรงงาน ครอบคลุมคนงาน 158,823 คน ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ไปกว่า 188,731 ตัวอย่าง นำไปสู่พัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างบิ๊กดาต้า การพัฒนาระบบ “ฮาลาลบล็อกเชน” เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคในกระบวนการทวนสอบย้อนกลับ (Traceability) ผ่านแอปพลิเคชันในรูป Thailand Diamond Halal Blockchain เป็นไปตามมติคณะรัฐมตรีวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2558 และ 10 กันยายน พ.ศ.2562 ตามการนำเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เพื่อให้อุตสาหกรรมฮาลาลประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ศวฮ.พัฒนาแพลตฟอร์ม “THAIs” หรือ Thailand Halal Trustworthy A.I. เพื่อสร้างความไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศไทย โดยประยุกต์ใช้เอไอสองแนวทาง โดย “เอไอที่หนึ่ง” คือ Actual Implementation ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานด้วยมือและสมองของมนุษย์ เป็นต้นว่า การวางระบบ HAL-Q, งานห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล, การใช้นวัตกรรม, การตัดสินทางศาสนา (ฟัตวา) “เอไอที่สอง” คือ Artificial Intelligence โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) แพลตฟอร์ม THAIs จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เกิดความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ฮาลาลของประเทศไทย เป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน นี่คือภาพความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมฮาลาลประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแท้จริงตามแนวทางที่ ศวฮ.นำเสนอต่อกระทรวงอุตสาหกรรม

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว