0 0
Read Time:7 Minute, 44 Second

JPARK ฟันกำไร Q3/67 ที่ 91.50 ลบ. หลังบุ๊คส่วนต่างให้เช่า รายได้ให้คำปรึกษาติดตั้งลดลง เหตุงานใกล้เสร็จพร้อมส่งมอบ

“เจนก้องไกล” ทำกำไร Q3/67 ที่ 91.50 ลบ. หลังรับรู้กำไรให้เช่าช่วงพื้นที่เชิงพาณิชย์ ด้านธุรกิจที่ปรึกษาและติดตั้งรายได้ลด เหตุงานใกล้เสร็จพร้อมส่งมอบ ด้านรายได้รับจ้างบริหาร และให้บริการพื้นที่จอดรถทรงตัว
​นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 91.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 312.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปีที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.20 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 อยู่ที่ 122.19 ล้านบาท ลดลง 47.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 28.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 169.89 ล้านบาท

​โดยล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการเปิดให้บริการอาคารจอดรถกาญจนสุข และมีพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอาคารจอดรถดังกล่าวเป็นอาคารจอดรถความสูง 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรถจักรยานยนต์ 72 คัน มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 20,265 ตารางเมตร โดยจัดเป็นพื้นที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ 4,266 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยร้านค้าชั้นนำที่เข้ามาเช่าพื้นที่กว่า 80 ร้านค้า ทำให้กำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว การที่บริษัทได้ให้เช่าช่วงพื้นที่อาคารจอดรถเพื่อนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ จึงทำให้บริษัทมีกำไรจากส่วนต่างระหว่างต้นทุนที่ปันส่วนแล้วสำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์ (ประกอบค่าเช่าหลักที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของที่ดินและค่าก่อสร้าง) กับยอดรวมค่าเช่าช่วงรับตลอด 30 ปี หลังจากพิจารณาตามหลักการของมูลค่าปัจจุบัน ทำให้เกิดกำไรส่วนต่าง 95.06 ล้านบาท ซึ่งต้องบันทึกเป็นกำไรทันทีตามหลักการบัญชี และหลังจากนี้ ตลอด 30 ปี จะทยอยรับรู้ค่าเช่าที่ได้รับในแต่ละเดือนเป็นรายได้ (recurring income) จนกว่าสัญญาจะสิ้นสุด โดยไม่มีต้นทุนทางตรงที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าอีก เพราะถูกหักกลบไปแล้วกับกำไรส่วนต่างข้างต้นแล้ว ทั้งนี้ การนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เหมาะสมและให้ประโยชน์ที่ยั่งยืนกว่าการพัฒนาเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยพิจารณาจาก market survey และ feasibility study ที่ทำไว้ การทำพื้นที่จอดรถ 500 กว่าคันเป็นจำนวนที่ได้กำไรสูงสุดต่อปริมาณการใช้รถยนต์ในบริเวณโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าและบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ ร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ยังช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้มาใช้พื้นที่จอดรถ และในทางกลับกันพื้นที่จอดรถก็ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้มาจับจ่ายในร้านค้าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้มีการใช้พื้นที่จอดรถมากขึ้น
​ส่วนที่รายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ หรือ CIPS ลดลง 45.93 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 90.93% เนื่องจากงานโครงการรถไฟฟ้า Smart Parking Management System และ Guidance System ที่บริษัทได้รับสัญญาจ้างมาในช่วงกลางปี 2566 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ หรือ Percentage of Completion นั้น ปัจจุบันเสร็จแล้วพร้อมส่งมอบ ทำให้รับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ลดลง อันเป็นลักษณะปกติของงานประเภทโครงการ (project base) ที่ตอนต้นและตอนกลางของโครงการจะรับรู้ได้ที่เป็นเนื้อเป็นหนังได้มากกว่า

​สำหรับรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหาร และให้บริการที่จอดรถอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในขณะที่บริษัทมีพื้นที่ที่ให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 29,534 ช่องจอดในปีก่อน และขยายเป็น 38,466 ช่องจอดในปัจจุบันนั้น บริษัทก็มีการพิจารณาไม่ต่อสัญญาเก่าสำหรับบางพื้นที่ที่ไม่ทำกำไรอันเป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจบริการส่วนนี้สูงขึ้นในขณะที่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก และตามที่ทราบกันว่า บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะขยายจำนวนช่องจอดเป็น 40,000 ช่องจอดภายในสิ้นปี 2567 นั้น บริษัทมีความมั่นใจว่า บริษัทสามารถทำตามที่ตั้งเป้าหมายไว้สำหรับปีนี้ได้อย่างแน่นอนและอาจจะทะลุเป้าด้วยซ้ำไป เนื่องบริษัทจะมีการเปิดหน่วยงานเพิ่มเติมในไตรมาสสี่JPARK ฟันกำไร Q3/67 ที่ 91.50 ลบ. หลังบุ๊คส่วนต่างให้เช่า
รายได้ให้คำปรึกษาติดตั้งลดลง เหตุงานใกล้เสร็จพร้อมส่งมอบ

“เจนก้องไกล” ทำกำไร Q3/67 ที่ 91.50 ลบ. หลังรับรู้กำไรให้เช่าช่วงพื้นที่เชิงพาณิชย์ ด้านธุรกิจที่ปรึกษาและติดตั้งรายได้ลด เหตุงานใกล้เสร็จพร้อมส่งมอบ ด้านรายได้รับจ้างบริหาร และให้บริการพื้นที่จอดรถทรงตัว
​นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 91.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 312.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปีที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.20 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 อยู่ที่ 122.19 ล้านบาท ลดลง 47.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 28.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 169.89 ล้านบาท

​โดยล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการเปิดให้บริการอาคารจอดรถกาญจนสุข และมีพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอาคารจอดรถดังกล่าวเป็นอาคารจอดรถความสูง 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรถจักรยานยนต์ 72 คัน มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 20,265 ตารางเมตร โดยจัดเป็นพื้นที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ 4,266 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยร้านค้าชั้นนำที่เข้ามาเช่าพื้นที่กว่า 80 ร้านค้า ทำให้กำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว การที่บริษัทได้ให้เช่าช่วงพื้นที่อาคารจอดรถเพื่อนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ จึงทำให้บริษัทมีกำไรจากส่วนต่างระหว่างต้นทุนที่ปันส่วนแล้วสำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์ (ประกอบค่าเช่าหลักที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของที่ดินและค่าก่อสร้าง) กับยอดรวมค่าเช่าช่วงรับตลอด 30 ปี หลังจากพิจารณาตามหลักการของมูลค่าปัจจุบัน ทำให้เกิดกำไรส่วนต่าง 95.06 ล้านบาท ซึ่งต้องบันทึกเป็นกำไรทันทีตามหลักการบัญชี และหลังจากนี้ ตลอด 30 ปี จะทยอยรับรู้ค่าเช่าที่ได้รับในแต่ละเดือนเป็นรายได้ (recurring income) จนกว่าสัญญาจะสิ้นสุด โดยไม่มีต้นทุนทางตรงที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าอีก เพราะถูกหักกลบไปแล้วกับกำไรส่วนต่างข้างต้นแล้ว ทั้งนี้ การนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เหมาะสมและให้ประโยชน์ที่ยั่งยืนกว่าการพัฒนาเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยพิจารณาจาก market survey และ feasibility study ที่ทำไว้ การทำพื้นที่จอดรถ 500 กว่าคันเป็นจำนวนที่ได้กำไรสูงสุดต่อปริมาณการใช้รถยนต์ในบริเวณโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าและบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ ร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ยังช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้มาใช้พื้นที่จอดรถ และในทางกลับกันพื้นที่จอดรถก็ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้มาจับจ่ายในร้านค้าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้มีการใช้พื้นที่จอดรถมากขึ้น
​ส่วนที่รายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ หรือ CIPS ลดลง 45.93 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 90.93% เนื่องจากงานโครงการรถไฟฟ้า Smart Parking Management System และ Guidance System ที่บริษัทได้รับสัญญาจ้างมาในช่วงกลางปี 2566 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ หรือ Percentage of Completion นั้น ปัจจุบันเสร็จแล้วพร้อมส่งมอบ ทำให้รับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ลดลง อันเป็นลักษณะปกติของงานประเภทโครงการ (project base) ที่ตอนต้นและตอนกลางของโครงการจะรับรู้ได้ที่เป็นเนื้อเป็นหนังได้มากกว่า

​สำหรับรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหาร และให้บริการที่จอดรถอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในขณะที่บริษัทมีพื้นที่ที่ให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 29,534 ช่องจอดในปีก่อน และขยายเป็น 38,466 ช่องจอดในปัจจุบันนั้น บริษัทก็มีการพิจารณาไม่ต่อสัญญาเก่าสำหรับบางพื้นที่ที่ไม่ทำกำไรอันเป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจบริการส่วนนี้สูงขึ้นในขณะที่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก และตามที่ทราบกันว่า บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะขยายจำนวนช่องจอดเป็น 40,000 ช่องจอดภายในสิ้นปี 2567 นั้น บริษัทมีความมั่นใจว่า บริษัทสามารถทำตามที่ตั้งเป้าหมายไว้สำหรับปีนี้ได้อย่างแน่นอนและอาจจะทะลุเป้าด้วยซ้ำไป เนื่องบริษัทจะมีการเปิดหน่วยงานเพิ่มเติมในไตรมาสสี่

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว