0 0
Read Time:12 Minute, 10 Second

เดินหน้าเอาใจสาย Foodies และผู้ที่หลงใหลในเรื่องอาหารการกินอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “ห้างเซ็นทรัลชิดลม” ที่ได้ขยายพื้นที่ความอร่อย ด้วยการเนรมิตทางเดินชั้น 2 เชื่อมต่อจากฟู้ดคอมมูนิตี้ “PUBLIC MARKET” (พับบลิค มาร์เก็ต) สู่ทางเดินเข้าห้างให้กลายเป็น “PUBLIC LANE” (พับบลิค เลน) เส้นทางความอร่อยสายใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ จุดนัดพบแห่งใหม่ที่รอต้อนรับให้ทุกคนได้อิ่มอร่อยไปกับ 8 ร้านอาหารแบรนด์ดังในที่เดียว ผลงานออกแบบของ Sean Dix อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเอง แยกเป็นสัดส่วนภายใต้บรรยากาศการตกแต่งที่บอกเล่าเรื่องราวของร้านผ่านการเลือกใช้วัสดุและสีสันที่ถูกเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี เชื่อมต่อแต่ละร้านไว้เป็นเส้นทางหนึ่งเดียวกันได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็น Ăn Cơm Ăn Cá (อันเกิม อันก๋า), Ang Morr (อั้งม้อ), A Fox Princess Kitchen W/ Rabbit (อะ ฟอกซ์ ปริ้นเซส คิทเช่น วิท แรบบิท), Fá Plā Tahń(ฟ้าปลาทาน), Mozza by Cocotte (มอซซ่า บาย โคคอต), SaladStop!(สลัดสต็อป!), Shichi (ชิชิ), Tiengna Patisserie (เถียงนา ปาตีสเซอรี) ที่ยกขบวนมาให้เลือกอิ่มอร่อยครบทุกเมนูยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็นมื้อหนักหรือมื้อเบาๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษด้วยพื้นที่ Balcony ที่ลูกค้าสามารถไปนั่งชมวิวตึกสูงกลางกรุงฯ หรือรับแสงธรรมชาติสวยๆ ระหว่างการช้อปปิ้ง ได้ฟีลลิ่งชิลๆ เหมือนมานั่งพักผ่อน ใครผ่านมาต้องแวะมาเช็คอิน และอิ่มอร่อยไปกับ 8 ร้านอาหารแบรนด์ดัง

ประเดิมเส้นทางความอร่อยด้วยอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ กับ “SaladStop!” (สลัดสต็อป!) ร้านสลัด สุดเฮลตี้อันเลื่องชื่อจากประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ปัจจุบันมีสาขามากถึง 69 สาขาทั่วโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eat Wide Awake” ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มเจ้าของแบรนด์ คุณ Adrien Desbaillets และครอบครัว ที่เน้นเรื่องความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมชวนคนใส่ใจสุขภาพมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์จากแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยมไปพร้อมๆ กับการรักษ์โลกที่ทางร้านตระหนักถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ รวมถึงประโยชน์ของอาหารที่รับประทานควบคู่ไปกับความอร่อย ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นให้ทุกคนตระหนักถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบรวมถึงความรู้เรื่องของอาหารการกินให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นทุกจานที่เสิร์ฟทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติที่นำไปสู่ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ ที่จะช่วยขับเคลื่อนวงจรการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้โลกใบนี้ และล่าสุดสลัด สต็อป! ได้ยกความอร่อยบินตรงมาปักหมุดเปิดสาขาแรกในเมืองไทยที่ PUBLIC LANE กับสไตล์ Quick service จัดเต็มด้วยเมนูสลัดบาร์ซึ่งสามารถสั่งเป็นเมนู Signature ที่ร้านแนะนำ หรือจะสั่งเป็น DIY salad ก็ได้ นอกจากนี้ทุกเมนูของสลัดสต็อป! ยังสามารถเลือกทำเป็นเมนูแรปหรือห่อ ที่ช่วยให้รับประทานได้ง่ายและสะดวกขึ้น สำหรับเมนูดาวเด่นประจำร้านที่สายเฮลตี้ไม่ควรพลาด ขอแนะนำ “เฮล ซีซ่าร์” (HAIL CAESAR), ซีซ่าร์สลัดรสครีมมี่ จัดเต็มด้วยผักสดๆ พร้อมด้วยเบค่อนทอด และขนมปังแบบเน้นๆ, “ทูน่า ซัง” (TUNA SAN)เพิ่มโปรตีนด้วยเซียทูน่า พร้อมด้วยส้มแมนดาริน มะเขือเทศ  อะโวคาโดและผักสดๆ, “ไอรอน  ‘วู้’ แมน” (IRON  ‘WO’ MAN) หรือจะเป็น Protein bowl และอีกหลายหลายเมนูสลัด นอกจากนี้ยังเอาใจสายรักโลกกับโปรโมชั่น เพียงนำถ้วยมาเอง รับส่วนลดทันที 5% (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.65 – 30 เม.ย.66) หรือซื้อ Collapsible Bowl (ถ้วยสลัดพกพาแบบใช้ซ้ำ) รับฟรี! เมนู Howdy! หรือ Buddha Bowl

ถัดมากับร้าน “Tiengna Patisserie” (เถียงนา ปาตีสเซอรี) คาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศสที่มีทวิสต์ของความเป็นเถียงนาผสมกลมกลืนกันได้อย่าลงตัว โดยสาขาแรกก่อตั้งในปี 2015 ที่จังหวัดตาก ภายใต้ชื่อ “เถียงนา คอฟฟี่ แอนด์เบเกอรี่ ฟาร์ม” ซึ่งกลายเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตที่ต้องแวะไปลิ้มลองความอร่อยก่อนจะขยายสาขาเข้าเมืองกรุง พร้อมกับครัวซองต์ (Croissant) เมนูซิกเนเจอร์ ภายใต้ชื่อร้าน “Tiengna Viennoiserie” (เถียงนา เวียนนัวเซอรี่) และล่าสุดกับการนำความอร่อยมาไว้กลางห้างเซ็นทรัลชิดลมที่ “PUBLIC LANE”  เอาใจทุกความต้องการของสายคาเฟ่และคนรักครัวซองต์มาไว้ในที่เดียว ทั้งเมนูเค้ก พัฟ พาย ครัวซองต์ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้บรรยากาศน่ารักอบอุ่น เรียกว่าจะหยิบกล้องมาทำคอนเท้นต์มุมไหนก็ได้ภาพกลับไปแน่นอน สำหรับเมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด คือ “ยูสุครัวซองท์” ที่จัดเต็มรสชาติส้มยูสุสำหรับคนรักส้ม รวมทั้งยังมี “ครัวซองท์ราสเบอรี่ ” , “ชู อะลาเคร็ม พราลีน ” , “ปาคีเบส” , “มิลเฟย”, “ซอล์ทเต็ด คาราเมล ครัมเบิ้ล คอฟฟี่” หรือจะเลือกรับประทานคู่กับเครื่องดื่มสุดเข้มข้น อย่าง “70% ดาร์คช็อคโกแลต” , “คร็อค เมอซิเออ” บอกเลยไม่มีผิดหวัง! และห้ามพลาดกับเมนูอาหารเช้า “เถียงนา ฮิวจ์ เบรคฟาสท์”“ครัวซองท์เบเนดิคท์ สโมคแซลมอน” , “เบรคฟาสท์ เบอร์เกอร์” นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น Plaint croissant ลด 50% (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.65 – 30 มี.ค. 66)และ Set menu ราคาพิเศษเฉพาะสาขานี้มาเอาใจสายคาเฟ่อีกด้วย (ตั้งแต่วันที่1ก.พ. 66 – 30 มี.ค. 66)

​เดินมาอีกนิดจะได้เจอกับร้านอาหารจีนลูกครึ่งฝรั่งชื่อดัง “Ang Morr” (อั้งม้อ) ที่พร้อมปลุกชีพอาหารสไตล์ “กุ๊กช็อป” หรือวัฒนธรรมอาหารฝรั่งยุคเริ่มแรกในเมืองไทย รังสรรค์แต่ละจานโดยเชฟจีนจากแผ่นดินใหญ่เพื่อใช้สำหรับเลี้ยงต้อนรับเหล่าทูตานุทูต และแขกบ้านแขกเมืองชาวตะวันตกในยุคสมัยแผ่นดินของล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 เล่าย้อนยุคผ่านตำนานอาหารตำหรับดั้งเดิม ซึ่งจะทำให้ทุกคนที่ลิ้มรสชาติอาหารของวันนี้ได้สะท้อนถึงความทรงจำในวันวาน โดย“กุ๊กช็อป” นั้นได้ผสมวัฒนธรรมอาหารฝรั่ง จีน และไทย เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม รวมทั้งยังตีความใหม่ให้ร่วมสมัย โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับความพิเศษของสาขานี้ คือทางร้านได้ออกแบบจานอาหารสุดพิเศษโดยการ ปรับขนาดและสัดส่วนอาหารให้เล็กลง จานอาหารพอดีคำ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลาย และสนุกในการรับประทานอาหารมากขึ้น พบกับไฮไลต์จานเด็ด ไม่ว่าจะเป็น “ฮะเก๋าปลาทอง” , “สลัดเนื้อสัน”, “สตูว์ลิ้นวัว” และ “พอร์คชอปทอดโบราณ” และอีกหลายหลายเมนูที่จะพาทุกท่านย้อนตำนานรสชาติอาหาร “กุ๊กช็อป” ซึ่งผสมวัฒนธรรมอาหาร ลูกครึ่งจีน-ฝรั่งร่วมสมัยด้วยสไตล์ Chinois Chic ได้แล้ววันนี้ที่ “PUBLIC LANE”

​เอาใจคออาหารญี่ปุ่นกันบ้าง กับ “Shichi” (ชิชิ) ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ที่รังสรรค์เมนูความอร่อยชั้นเลิศ ไว้รอทุกคนมาลิ้มลองกว่า 200 เมนูโดยความพิเศษของร้าน คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก การันตีความสด สะอาด คุณภาพดี และเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาส่งตรงจากตลาดปลาโทโยสุ ซึ่งถือเป็นอันดับ 1 ของแหล่งรวมอาหารทะเลสดจากประเทศญี่ปุ่น เนื้อสายพันธุ์ต่างๆ จากฟาร์มในจังหวัดคาโกชิม่า รวมไปถึงฟัวกราส์จากประเทศฝรั่งเศส การันตีคุณภาพพร้อมความอร่อยแบบต้องยกนิ้วให้ และด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปีของมาสเตอร์เชฟของร้าน จึงมั่นใจได้ว่าในทุกขั้นตอนแต่ละเมนูผ่านความพิถีพิถัน ละเมียดละไมเพื่อให้อาหารทุกจานออกมาดีที่สุดนอกจากนี้แต่ละเมนูนั้นยังมีรสชาติที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนใครๆ ต่างยกให้ว่า “รสชาติที่คุณไม่อาจลืม” สำหรับสาขาแรกของร้านก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 บนถนนราชพฤกษ์ ถัดมาที่สาขาบางนา สยาม อารีย์ และล่าสุดกับสาขาใหม่ แกะกล่องที่ PUBLIC LANE ซึ่งได้ยกระดับความพรีเมี่ยม หรูหรา พร้อมยังคงเอกลักษณ์เรื่องรสชาติอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ที่ทุกคนคุ้นเคยมาไว้เอาใจคออาหารญี่ปุ่นได้แวะมาลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นเมนู “โรลแซลมอนราดซอสเมนไทโกะ” (Shichi Roll) , “สลัดปลาเงินทอด” (Shirauo salad), “ปลาดิบรวม 9 อย่าง”(Matsu sashimi) เป็นต้น

เดินมาถึงครึ่งเส้นทางความอร่อยแล้ว ใครยังไม่เหนื่อยไปต่อกันที่ “A Fox Princess Kitchen w/ Rabbit” (อะ ฟอกซ์ ปริ้นเซส คิทเช่น วิธ แรบบิท) ร้านอาหารสไตล์ “Casual Italian” ที่แม้จะขนาดกะทัดรัด แต่ก็อัดแน่นด้วยรสชาติอร่อยตามแบบฉบับอิตาเลี่ยน โดยคงเอกลักษณ์ของ “It’s ‘Happened to be’ a Closet” ทั้งรสชาติและสไตล์ที่เป็นซิกเนเจอร์อย่างครบถ้วน ด้วยความตั้งใจให้เป็นร้านอาหารแบบสบาย ๆ ดังนั้นเมนูต่าง ๆ จึงถูกดีไซน์อย่างหลากหลายเป็นพิเศษ เหมาะกับทุกช่วงเวลาของวัน ไม่ว่าจะเป็น มื้อกลางวันสำหรับครอบครัว หรือดินเนอร์กับคนรัก มีเมนูให้เลือกมากมาย ทั้งเบรกฟาสต์ บรันช์ พิซซ่า พาสต้า และเมนคอร์ส หรือจะนั่งจิบไวน์ค็อกเทล ภายใต้บรรยากาศสุดเก๋ รวมทั้งเอาใจสายคาเฟ่ชวนสัมผัสรสชาติหอมละมุนของชาและกาแฟที่เสิร์ฟคู่มากับเค้กแสนอร่อยหลากสไตล์ เพราะที่นี่ได้รวมเอาร้านเค้กที่ทุกคนชื่นชอบอย่างแบรนด์ “A Pink Rabbit” เข้ามาไว้ในร้านเดียว นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ด อาทิ “Cumin Rosemary Lamb”, “A Fox’s Signature Pizza”, “A Fox’s choice -fresh pomodoro pasta”, “Spider Quinoa Salad” และอีกหลากหลายเมนูให้ได้แวะมาลิ้มลอง

​บินข้ามฟ้ากลับมาที่อาหารแนวเอเชี่ยนกันบ้างกับ Ăn Cơm Ăn Cá (อันเกิม อันก๋า) ร้านอาหารเวียดนาม ที่มาพร้อมอรรถรสใหม่ เพราะนอกจากเมนูเด่นจากเมืองต่าง ๆ ในประเทศเวียดนามที่เลื่องชื่ออยู่แล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารท้องถิ่นแท้ ๆของเวียดนามอีกมากมายที่คนไทยอาจไม่คุ้นเคยนักแต่หากได้ลองลิ้มสักครั้งรับรองติดใจ โดยทางร้านได้หยิบเสน่ห์และวิถีการกินของชาวเวียดนามที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกมานำเสนอมุมมองของอาหารเวียดนาม ตามวัตถุดิบและรสชาติที่แปลกใหม่ ปรับเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมการกินจากสถานที่ต่าง ๆ ในโลก โดยมี “Asian – inspired seafood” หนึ่งในหมวดเมนูอาหารทะเล ที่หอมหวนและเข้มข้นด้วยกลิ่นอายของอาหารตามแบบฉบับอินโดจีนขนานแท้ไว้รอต้อนรับทุกคน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษเฉพาะของร้านที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดย “อันเกิม-อันก๋า” ได้คิดค้นและพัฒนาสูตรอาหารจากการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมอาหารเวียดนามอย่างจริงจังทั้งในและต่างประเทศ ก่อนนำมารังสรรค์ทุกจานอย่างประณีต กับการคิดค้นสูตรเฝอ จากซุปพิเศษที่อยู่ในใจของหลายคน ซึ่งมีเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเคี่ยวนานกว่า 24 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมกรุ่น สดชื่น ส่วนเมนูอาหารจานไฮไลต์ที่อยากแนะนำ คือ “แหนมเนือง”, “เฝอเนื้อวากิว”, “ขนมจีนหมูย่าง”, “จ๋าก๊าหล่าว็องผักชีลาว”, “บั๋นข็อต” และ “บั๋นแบ๋ว” และอีกหลายหลายเมนูสำหรับใครมที่อยากลิ้มลองรสชาติอาหารสไตล์เอเชี่ยนแบบไม่จำเจ ต้องไม่พลาด!

ต่อกันที่ข้าวต้มและก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ เสิร์ฟตรงจากเครือ “Iberry Group” อย่างร้าน Fá Plā Tahń (ฟ้าปลาทาน) โดยต้นกำเนิดเริ่มแรกของร้านเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการการรับประทานอาหารมื้อเช้า และมื้อดึกของคนยุคใหม่ เน้นไปที่ความสะดวก รวดเร็ว ภายใต้ชื่อ “รวมมิตร Cloud Kitchen”เน้นขายเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ สำหรับ “ฟ้าปลาทาน” ที่  PUBLIC LANE  แห่งนี้ จึงนับเป็นความพิเศษที่มาพร้อมความท้าทายกับการเป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการนั่งรับประทานที่ร้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์  ALL ABOUT “FISH”  พร้อมขนเอาเมนูข้าวต้มจาก “ฟ้าปลาทาน” มาทั้งหมด และยังเสริมทัพความอร่อย ด้วย “ก๋วยเตี๋ยวปลาสุดเชง” เพื่อให้ “ฟ้าปลาทาน” กลายมาเป็นแลนด์มาร์กที่เหมาะกับการรับประทานอาหารในทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า เที่ยง  เย็น หรือมื้อดึก ก็สามารถเพลิดเพลินกับความอร่อยจากทางร้านได้ทั้งวันที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมโดยมีเมนูไฮไลต์แนะนำ “ก๋วยเตี๋ยวปลาสดลูกชิ้นปลา (Noodles with fish fillets and fish ball), ข้าวต้มปลากะพง” (Boiled rice with Seabass fillets) และ ฟองเต้าหู้ห่อกุ้งทอด (Deep fried shrimp mousse in tofu skin)” บอกเลยว่าแค่ได้ยินชื่อเมนูก็น้ำลายสอกันแล้ว!

ปิดท้ายความอร่อยกันที่ “Mozza by Cocotte” (มอซซ่า บายโคคอต) ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่มาพร้อมบรรยากาศแสนอบอุ่น การันตีความอร่อยโดย “Hospitality Management Asia group” กลุ่มบริหารจัดการเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยวในเอเชียที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับในกรุงเทพฯ โดยเหล่าผู้มีพรสวรรค์ซึ่งอยู่เบื้องหลัง “Cocotte Farm Roast & Winery” และร้านอาหารที่เน้นเสิร์ฟเมนูเนื้อดรายเอจคุณภาพดี อย่าง “Leon by Cocotte” ซึ่งได้นำประสบการณ์ของพวกเขามารังสรรค์อาหารอิตาเลี่ยนรสเลิศพร้อมเสิร์ฟในร้าน “Mozza by Cocotte” ที่มาพร้อมปรัชญาประจำร้านว่า “La Cucina di Mamma” หรือ “ครัวของคุณแม่” ที่รับรองว่าคุณจะได้ฟินไปกับพิซซ่าที่อบในเตาอิฐแบบที่เป็นไฮไลท์ของร้านและพาสต้าโฮมเมด ปรุงด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมียมส่งตรงจากอิตาลี มาพร้อมการต้อนรับสุดอบอุ่นและเป็นกันเองจากเชฟ และทีมงาน สำหรับมอซซ่าสาขาใหม่ ที่ PUBLIC LANE แห่งนี้ ยังคงคอนเซ็ปต์การใช้โทนสีเรียบง่าย เก๋ไก๋ แต่เพิ่มความพิเศษที่แตกต่างจากสาขาอื่นด้วยการออกแบบครัวแบบเปิดเพื่อให้มองเห็นเชฟขณะการทำอาหารอย่างชัดเจน รวมถึงเตาอิฐนำเข้าอันเป็นเอกลักษณ์ของของอิตาลี ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ดั้งเดิมของ Stefano Ferrara Forni  นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยที่นั่งซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้มากถึง 90 ที่ ภายใต้บรรยากาศเป็นกันเอง ให้ได้อิ่มอร่อยและเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารสุดพิเศษ หรือแวะพักระหว่างช้อปปิ้ง สำหรับเมนูไฮไลต์ที่ใครมาเป็นต้องสั่ง ขอแนะนำ “บูราต้า ทรัฟเฟิล”, “ผักโขม และชีสริคอตต้าราวิโอลี่”, “พิซซ่าคาร์ปิซาเลอร์โน”, “สเต๊กแซลม่อน”  ก่อนตบท้ายด้วยของหวานที่ห้ามพลาด อย่าง “โคค็อต ทิรามิสุ”  บอกเลยว่าทุกคนจะได้สัมผัสถึงรสชาติอาหารอิตาเลี่ยนขนานแท้ที่มาพร้อมความใส่ใจเหมือนยกครัวของคุณแม่มาให้ได้ลิ้มลอง

 

พบกับโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สเปเชียลเมนูส่วนลดสูงสุด 50% (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 – 31 ม.ค. 66) รับแต้มThe1 X4 เมื่อชำระผ่าน Dolfin Wallet ทุกๆ 25 บาท (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 – 31 มี.ค. 66 ) สำหรับลูกค้าที่มียอดสั่งซื้ออาหารครบ 1,000 บาทขึ้นไป และชำระผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะ วัน รับทันทีคูปองใช้แทนเงินสด 100 บาท จาก Central Department Store (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 – 30 เม.ย. 66)  และพบกับช่วงเวลาแห่งความสุข Happy Hour อร่อยฟินกับ Set Menu ในราคาพิเศษ (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 66 – 31มี.ค. 66) ร่วมสัมผัสเส้นทางความสุขสุดอร่อย ได้แล้ววันนี้ที่ “PUBLICLANE” (พับบลิค เลน) เส้นทางความอร่อยแห่งใหม่สุดชิคใจกลางกรุงเทพฯ ได้แล้ววันนี้! ที่ชั้น 2 ห้างเซ็นทรัลชิดลม หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่Facebook : Central Department Store หรือคลิกwww.facebook.com/CentralDepartmentStore

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *