0 0
Read Time:2 Minute, 56 Second

กรุงเทพมหานคร, 8 มีนาคม 2566 – มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนนำร่องต้นแบบพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 22 แห่ง เปิดตัวโครงการ VIA Road Safety Education Programme (VIA Programme) ระยะที่ 3 ณ โรงแรมเดอะเวสติน แกรนด์ สุขุมวิท, กรุงเทพมหานคร  โครงการ VIA ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโดยการร่วมมือกันระหว่างภาคธุรกิจเอกชนชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศสสองบริษัท คือ มิชลิน (Michelin) ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมยางรถยนต์และการสัญจรอย่างยั่งยืน และโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ บริษัทน้ำมันและพลังงานชั้นนำระดับโลก (TotalEnergies) ภายใต้หลักสูตรต้นแบบของการเรียนรู้และวิธีฝึกปฏิบัติของ Global Road Safety Partnership (GRSP) โดยมีมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) เป็นผู้นำหลักสูตรการเรียนการสอนส่งมอบให้ถึงโรงเรียน โดยอบรมพัฒนาบุคลากรครูที่อยู่ในโครงการ ในการสร้างองค์ความรู้และถ่ายทอดแก่เด็กนักเรียนอายุ 10 ถึง 18 ปี มุ่งเน้นให้เยาวชนมีจิตสำนึกในเรื่องความปลอดภัยในการสัญจร และตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและส่งเสริมพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนอย่างรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

ในช่วงหลักสูตรระยะที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมาซึ่งเริ่มการเรียนการสอนตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 ถึงปี พ.ศ. 2565 ของการดำเนินโครงการ VIA นั้น ทางโครงการได้รับการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมอย่างดีจากมิชลินและโททาลเอเนอร์ยี่ส์ ในประเทศไทย หลังจากเปิดตัวโครงการในเดือนพฤศจิกายน 2564 ผ่านการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและได้ผลลัพท์อย่างดีโดยมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) จัดอบรมเพิ่มทักษะการบูรณาการกิจกรรม VIA ร่วมกับกลุ่มครูแกนนำ จำนวน 50 คน ซึ่งนำกิจกรรม VIA ไปใช้สอนเด็กนักเรียนในห้องเรียนจริง รวมถึงการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 5,772 คน จาก 135 ชั้นเรียนเข้าร่วมกิจกรรม และในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 โครงการ VIA จัดสัมมนาวิชาการถอดบทเรียนในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์การนำกิจกรรมโครงการ VIA ไปใช้จริงในสถานศึกษานำร่อง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนครูแกนนำได้แบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จในการนำหลักสูตร VIA ถ่ายทอดลงสู่เด็กนักเรียน โดยมุ่งเน้นวิธีการปรับใช้กับการเรียนการสอนในชั้นเรียนและมุ่งหวังต่อการขยายผลไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนภายใต้นโยบายกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยจากก้าวแห่งการพัฒนาความสำเร็จตลอดช่วงระยะเวลาการดำเนินโครงการ 2 ปี ของโครงการ VIA ในประเทศไทย

 

 

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากโครงการที่ผ่านมาใน 2 ปีแรกในการนำร่องการพัฒนาหลักสูตรด้านความปลอดภัยทางถนนร่วมกับโรงเรียน 5 แห่งในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และ 45 แห่งในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางท้องถนน (Road Safety) ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนจากสถานทูตต่าง ๆ เช่น สถานทูตฝรั่งเศส ฟินแลนด์ อังกฤษ เดนมาร์ก นอร์เวย์ จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี ผู้อำนวยการโรงเรียนจากโรงเรียนนำร่องโครงการ 22 แห่ง และผู้แทนจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเป็นตัวแทนเปิดตัวโครงการ ระยะที่ 3 ในวันนี้ เพื่อแสดงถึงเจตนาอันแน่วแน่ของทุกภาคส่วนที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ VIA ให้สำเร็จบรรลุเป้าหมายอย่างดี ให้นักเรียนทุกคนในหลักสูตรได้รับการปลูกฝังจิตสำนึก ตระหนักรู้ และรู้จักป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายในการใช้รถใช้ถนน ลดการเกิดอุบิติเหตุ ซึ่งเยาวชนจะสามารถส่งต่อไปถึงผู้ปกครองและคนรอบตัวในชุมชนให้ตื่นตัวและร่วมกันสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นอย่างยั่งยืนสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทย

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว